โดยความเชื่อ “เจ้า” แบ่งเป็นความเชื่อ 2 แบบ
1.ส่ง “เจ้าเตาไฟ” ขึ้นไปรายงานพฤติกรรมมนุษย์ โดยในยุคสมัยที่นิยมใช้ เตาไฟ ในการปรุงอาหาร จนเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้
ทำให้เกิดประเพนีรําลึกถึงเตาไฟขึ้นในสมัยโบราณ แล้ววิวัฒนาการมาเป็นการบูชาเจ้าเตาไฟ ด้วยเชื่อว่าเตาไฟมีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่
เจ้าเตาไฟเป็นเจ้าไม่มีศาล ไม่มีผู้สร้างศาลให้โดยเฉพาะ และไม่มีภาพหรือรูปปั้นตั้งรวมอยู่ในศาลเจ้าตลอดจนวัดวาอาราม
ทั้งนี้เพราะถือกันว่าท่านอยู่ประจําที่เตาไฟในทุกครัวเรือน
เจ้าเตาไฟเป็นเทพที่เง็กเซียงฮ่องเต้ประมุขแห่งสวรรค์ส่งลงมาอยู่ ประจําบ้านเรือนมนุษย์ มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันและจดบันทึกการกระทําของคนในครอบครัวนั้น แล้วกลับขึ้นไปรายงานปีละครั้ง
เง็กเซียงฮ่องเต้จะพิจารณาจากรายงานนั้นแล้วลิขิตชะตาชีวิตในปีต่อไปของแต่ละคน
2. ส่งเจ้าทั้งหลายที่อยู่ในโลกมนุษย์ขึ้นไปสวรรค์
เทพเจ้าทั้งหลายเมื่อไปพบเง็กเซียงฮ่องเต้ประมุขแห่งสวรรค์ ก็จะนำบันทึกที่แต่ละท่านจดไว้ไปรายงานพฤติกรรมขอมนุษย์โลกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ใครทำดีทำชั่ว คดโกง สุจริต กันอย่างไรบ้าง
เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการลิขิตชะตาชีวิตมนุษย์แต่ละคน
ระหว่างที่โลกปลอดจากเทพเจ้านี้ แล้วมนุษย์โลกมีใครเป็นผู้ที่คุ้มครอง?
คำตอบบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจะค่อยคุ้มครองลูกหลานของตนแทนชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดพิธีเซ่นไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ เพื่อเป็นการเอาใจให้ท่านไปรายงานแต่สิ่งที่ดีงาม มีเรื่องเล่าเรื่องของไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ว่า
บางถิ่นใช้ขนมหวานเหนียวไหว้ ว่ากันว่าเพื่อให้ติดปากติดฟัน จนเจ้าพูดไม่สะดวก จะได้รายงานความชั่วของมนุษย์น้อยๆ
บ้างก็เอาเหล้าไปป้ายที่ช่องใส่ฟืน ซึ่งถือว่าเป็นปากของเจ้าเตาไฟ เพื่อให้ท่านมาจนรายงานไม่ได้
คงจะคิดว่าท่าน เป็นคนเมาประเภทเมาสะจึมสะลือ มากกว่าเมาช่างพูด พร้อมกับอ้อนวอนเจ้าให้ท่านไปรายงานแต่เรื่องดีงาม