การเลือกศาลพระภูมิ:
ลักษณะของศาลพระภูมิคือมีเสาเพียงต้นเดียวและไม่มีกฎเกณฑ์ที่ต้องตายตัวในการเลือกขนาด สี และความสูง
อยู่กับความพึงพอใจและงบประมาณของเจ้าของบ้าน
สีที่ไม่ควรใช้คือสีฟ้า สีน้ำเงิน และสีดำ เนื่องจากเป็นสีของธาตุน้ำที่ไม่ถูกกับศาลพระภูมิที่เป็นธาตุไฟ
องค์ประกอบของศาลพระภูมิ:
เจว็ดศาลพระภูมิ: เป็นแผ่นไม้รูปร่างคล้ายใบเสมาหรือแกะสลักเป็นรูปเทวดาถือพระขรรค์ ภายหลังทำพิธีปลุกเสกจะเรียกว่า "พระภูมิ" ซึ่งเป็นประธานของศาลพระภูมิ
บริวารของพระภูมิ: ประกอบด้วยตุ๊กตาชาย-หญิง ตุ๊กตาช้างม้า และละครยก 2 โรงหรือละครรำ
เครื่องประดับตกแต่งศาลพระภูมิ: ประกอบด้วยผ้าผูกเจว็ด แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป ฉัตรเงิน-ฉัตรทอง ผ้าแพร 3 สีสำหรับพันศาล ผ้าขาว ทองคำเปลว แป้งเจิม
สถานที่ตั้งศาลพระภูมิ:
ตั้งศาลพระภูมิบนพื้นดิน โดยห้ามตั้งศาลบนพื้นเดียวกับตัวบ้าน หากไม่มีพื้นดินจริง ๆ ให้ตั้งศาลพระภูมิที่ชั้นดาดฟ้าได้
ควรยกพื้นให้สูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 1 คืบ
ต้องห่างจากตัวบ้าน โดยไม่ให้เงาของตัวบ้านทอดลงมาทับศาลพระภูมิ
ให้มีระยะห่างจากที่ตั้งศาลพระภูมิกับกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางของศาลพระภูมิ และการปักเสาศาลพระภูมิที่ถูกต้อง รวมถึงฤกษ์ยามที่เหมาะสมในการทำพิธีตั้งศาลพระภูมิด้วย
ฤกษ์ยามในการทำพิธีตั้งศาลพระภูมิจะแตกต่างกันไปตามความเชื่อและแบบประเพณีของแต่ละภูมิภาค แต่วันที่ต้องห้ามโดยทั่วไปมีดังนี้:
เดือนอ้าย (ธันวาคม): วันพฤหัสบดีและวันเสาร์
เดือนยี่ (มกราคม): วันพุธและวันศุกร์
เดือน 3 (กุมภาพันธ์): วันอังคาร
เดือน 4 (มีนาคม): วันจันทร์
เดือน 5 (เมษายน): วันพฤหัสบดีและวันเสาร์
เดือน 6 (พฤษภาคม): วันพุธและวันศุกร์
เดือน 7 (มิถุนายน): วันอังคาร
เดือน 8 (กรกฎาคม): วันจันทร์
เดือน 9 (สิงหาคม): วันพฤหัสบดีและวันเสาร์
เดือน 10 (กันยายน): วันพุธและวันศุกร์
เดือน 11 (ตุลาคม): วันอังคาร
เดือน 12 (พฤศจิกายน): วันจันทร์
เมื่อทราบถึงวันห้ามและฤกษ์ที่เหมาะสมสำหรับการทำพิธีตั้งศาลพระภูมิ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพราหมณ์หรือโหรผู้มีความรู้เกี่ยวกับฤกษ์ยาม เพื่อดูวันเดือนปีเกิดของเจ้าบ้านและหาฤกษ์ที่เป็นสิริมงคลกับเจ้าบ้านโดยเฉพาะ แล้วจึงเลือกวันที่เหมาะสมในการทำพิธีตั้งศาลพระภูมิได้
การไว้ศาลพระภูมิ
การไหว้ศาลพระภูมิส่วนมากมักใช้ธูปจำนวน 9 ดอก ในการไหว้ศาลพระภูมิ ยังมีการใช้ของถวายอื่นๆ เช่น ดอกไม้ พวงมาลัย ของคาวและหวาน รวมถึง ผลไม้อีกด้วย
โดยมีบทสวดคือ “ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง ยัมหิ เจวานุยุฐ ชัญโต รัตตินเทวะ มะตันทิโต สุขัง สุปะติ สุตโต จะปาบะงกิญจิ ปะริตตันตัม ภาณามะเหฯ” เพื่อให้บ้านร่มเย็นเป็นสุข เสริมโชคลาภวาสนา
ของถวายศาลพระภูมิ
สำหรับของที่ใช้ในการถวายและไหว้ศาลพระภูมินั้น ส่วนมากมักใช้ของคาว ของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่มในการบูชาเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต แต่ทั้งนี้อาจต้องคำนึงถึงของที่ห้ามถวายด้วย เพราะไม่อย่างนั้น อาจเกิดผลเสียได้
ของคาว
ของคาวส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ไหว้ศาลพระภูมิมักนิยมถวายด้วยข้าวสุก แกงต้มจืด เนื้อสัตว์ เช่น หมูและไก่ หรืออาหารทะเลอย่างกุ้ง ปู และปลาที่ผ่านขั้นตอนการทำให้สุกมาแล้ว
ของหวาน
ของหวานที่ใช้ในการถวายส่วนมากจะเป็นขนมไทยที่มีความหมายเป็นมงคล เช่น ขนมทองหยิบ ทองหยอด และอื่นๆ เป็นต้น
ผลไม้
ในส่วนของผลไม้ที่นิยมใช้ไหว้ศาลพระภูมินั้น จะเป็นผลไม้หลายชนิด เช่น กล้วย ส้ม สับปะรด และผลไม้ชนิดอื่น โดยแบ่งเป็นชนิดละ 5 ลูกหรือผล หรือตามความสะดวกของผู้ถวาย
เครื่องดื่ม
เครื่องดื่มส่วนมากที่ใช้ในการถวาย คือ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำชา หรือน้ำอัดลม นอกจากนั้น บางบ้านก็สามารถถวายเหล้าหรือสุราได้เช่นกัน
ของที่ห้ามถวาย
เมื่อมีของที่ใช้ถวายและไหว้ศาลพระภูมิแล้ว ก็ต้องมีของที่ห้ามถวายเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ผลไม้ที่ไม่สุกหรือเสีย รวมถึง ผลไม้ที่ชื่อไม่เป็นมงคล เช่น มังคุด ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เป็นคนดวงกุด ไม่มีโชคลาภวาสนา เป็นต้น